จาก Toulouse ชั่วโมงนิดหน่อย เครื่อง A320 ของ Easyjet ก็พามาถึงสนามบินนานาชาติ Leonado Da Vinci ที่โรม นั่งบัสต่อเข้าเมือง เพื่อไป check-in ที่พัก AirBnB

ที่พักที่จองไว้อยู่ใกล้กับนครวาติกันมาก เดินนาทีกว่าๆ ก็ถึงกำแพงวาติกัน เป็นอาคารเก่าอายุร่วมร้อยกว่าปี เจ้าของห้องเป็นนักดนตรี และนักจัดคอนเสิร์ทอิสระ เธออยู่กับแม่เข้าใจว่าคุณยายน่าจะอานุเกือบ 90 แล้วคืนแรกก็ได้ยินเสียงเธอซ้อมเปียโน check-in เสร็จก็มืดแล้ว เลยออกไปหาอะไรกิน สิ่งที่พบคือกรุงโรมตอนกลางคืนสวยมาก เดินผ่านวิวที่เราเคยเห็นตามนิตยสารท่องเที่ยว ของจริงนี่ก็สวยแบบ no filter เลย

วันรุ่งขึ้นเริ่มต้นเที่ยวโปรแกรมคือชม พิพิทธภัณฑ์วาติกัน อันนี้จองทางออนไลน์ไว้ตามคำแนะนำของรีวิวต่าง ๆ เอาเข้าจริงฟน้าหนาวคนก็ไม่เยอะมาก แต่ยังไงจองออนไลน์ก็เดินเข้าไปรับตั๋วได้เลยตามเวลาที่จองไว้ พิพิธภัณฑ์กรุงวาติกันเป็นแหล่งรวมโบราณวัตถุที่วาติกันรวบรวมไว้ มีของทั้งจากอียิปต์ ยุคโรมัน ยุคกลางที่คริสศาสนาเรื่องอำนาจ

แผนที่โบราณ และภาพเขียนเลื่องชือของ Michael Angelo

ใช้เวลาร่วม 3 ชั่วโมงในการเดินดูแต่ก็ไม่ทั่ว ใครได้ไปชมแนะนำว่าควรเช่า Audio guide ด้วยเพราะมี content เยอะมากๆ เสียดายที่ไม่ได้เช่า

ต่อจากพิพิธภัณฑ์วาติกัน ไปที่ Pathenon วิหารโบราณสร้างโดยจักรพรรดิโรมัน ? ก่อนมาได้ดูสารคดี 2 เรื่องเกี่ยวกับ Pathenon คือเรื่องประวัติของคอนกรีตที่เอามาสร้างโดม และ เรื่องของเทคนิคการใช้แสงเพื่อเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ให้วิหาร ไปดูของจริงก็มหัศจรรย์มาก ที่สามารถสร้างโดมขนาดใหญ่ได้ตั้งแต่เมื่อ 2 พันกว่าปีที่แล้ว แสงมีความสำคัญต่อการสร้างความศักดิ์สิทธิ์ให้กับรูปเคารพ หรือแม้แต่การปรากฎตัวของจักรพรรดิ์ ซึ่งเทคนิคแบบนี้ก็ได้สำมาใช้ในวาติกันเช่นกัน จากนั้นเดินต่อไปที่น้ำพุ Tivory สวยดี คนเยอะ โยนเหรียญพอเป็นพิธี แล้วมุ่งหน้าไป Colosseum จริง ๆ บริเวณ Colosseum ก็คือศูนย์กลางกรุงโรม เห็นแต่ในรูป ได้เห็นของจริงนี่ยิ่งใหญ่มาก นี่เรียกว่าเป็น mega structure เมื่อ 2 พันปีที่แล้วเลย เดินเล่นและไปลงท้ายที่อนุสาวรีย์จักรพรรดิ์ ? ชาวโรมเรียกว่า wedding cake จากนั้นนั่งรถเมล์กลับ รถเมล์ในโรมเหมือนจะนั่งฟรี คือจริงๆ ต้องเสียค่ารถเมล์ 1.6 ยูโร แต่เอาเข้าจริงก็ไม่เห็นเขาจริงจังอะไรเรื่องเก็บตั๋ว ตรวจตั๋ว

คืนนี้พิเศษคือ host airbnb ชวนไปงาน mini consert เสียคนละ 15 ยูโร มีอาหารและเครื่องดื่ม ฟังเพลงจริง ๆ น้องสาวของ host เป็นนักร้อง เล่นดนตรีแบบ acrusetic duo แนว blue rock ฟังเพลินๆ แปลกใจที่ ตลอดเวลาไม่มีใครพูดอังกฤษ และพูดอังกฤษกันไม่ค่อยคล่อง แต่เพลงที่เล่นส่วนใหญ่เป็น pop blue rock แบบอเมริกา

เช้าวันรุ่งขึ้น ออกเดินทางไปสถานีรถไฟ มุ่งหน้าไป Florence ได้ขึ้น high speed train ที่ออกแบบโดยเฟอรารี่ ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ 400 กม./ชม. แต่เวลาเดินทางจริง ๆ ใช้ความเร็วเฉลี่ยที่ 250 กม./ชม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

Check-in เข้าที่พักเสร็จ ก็ไปเยี่ยมหอเอน Pisa กลับมาชิล ๆ ใน Florence ที่นี่สวย สมเป็นเมืองแห่งศิลปินและนักคิดอย่างไมเคิล แองเจลโล และ ลีโอนนาโด ดาวินชี โชคดีที่ในเมืองช่วงที่ไป มีการแสดงนิทรรศการขอ Ai Wai Wai ศิลปินแนวการเมืองของจีน เป็นผลงานที่น่าสนใจโดยเฉพาะประเด็นเสรีภาในการแสดงออก การสอดแนมประชาชน อยู่ Florence 2 คืนก็ได้เวลากลับบ้าน

ป.ล. ผ่านไปครึ่งปีเพิ่งเขียนจบ

อ่านตอนแรก Paris-Toulouse http://klaikong.in.th/post/europe-trip-2016-paris-toulouse