การเดินทางร่วมกับพรรคอนาคตใหม่


หลังจากศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำตัดสินยุบพรรคจบเมื่อวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา คำแรกที่ ธนาธร พูดกับอดีตกรรมการบริหารคือ "ผมขอโทษที่ชวนทุกท่านมาลำบาก"
"ไม่มีอะไรต้องขอโทษ ที่ผ่านมาเป็นการทำงานที่สนุก และ มีคุณค่ามากที่สุดในชีวิต ขอบคุณที่ชวนผมมา" นี่คือคำคอบแรกที่ออกมาจากปากผม
การเดินทางร่วมกับพรรคอนาคตใหม่ของผม เริ่มตั้งแต่ กุมภาพันธ์ ปี 61 ที่ผู้ก่อตั้งหลายคนไปร่วมตัวกันที่ co-working space ที่ชื่อ "มาดี" ด้วยความหวังว่า พื้นที่การเมืองที่เปิดขึ้น จะสามารถสร้างพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาผลักดันการเปลี่ยนแปลงของประเทศนี้ ส่วนวาระที่ผมต้องการผลักดันคือ "รัฐเปิดเผย" หรือ Open Government ซึ่งในที่สุดเรื่องนี้กลายเป็นหนึ่งในวาระหลักที่สำคัญ ที่เขียนไว้ในนโยบายพรรค และ แสดงให้เห็นว่าเราเริ่มเรื่อง รัฐเปิดเผย ที่ตัวพรรคอนาคตใหม่ของเราเอง
การเข้ามารับตำแหน่งนายทะเบียนสมาชิกพรรค ผมเชื่อว่าระบบโปรแกรมทะเบียนสมาชิกพรรคของอนาคตใหม่ เป็นระบบโปรแกรมทะเบียนสมาชิกของพรรคการเมืองที่ดีที่สุดในประเทศไทย พร้อมทั้งการวางงานเรื่องดิจิทัลต่าง ๆ ของพรรค ให้เติบโต และ มีทีมงานที่ทำงานด้านพื้นที่ดิจิทัล ทางการเมือง จนกลายเป็นกรณีศึกษาใหม่ เรื่องพื้นที่ดิจิทัลของการเมืองไทย
สิ่งที่ผมยินดีที่สุดคือ ทำงานร่วมกับ เพื่อน ส.ส. ที่ตั้งเป็นทีมงานเล็ก ๆ ชื่อว่า "ทีมดิจิทัล" พรรคอนาคตใหม่ มีทั้ง ส.ส.เท้ง ณัฐพงษ์ ส.ส.เติ้ล วรภพ ส.ส.เอิร์ท ปกรวุฒิ และ ส.ส.เป้ สมเกียรติ รวมถึงผู้ใหญ่ที่ประสบการณ์ของท่านเหมือนไวน์ที่บ่มมานานและเป็นอดีตกรรมการบริหารพรรคด้วยกัน คือ อาจารย์สุรชัย ศรีสารคาม ซึ่งเพื่อน ๆ ทุกคนเชื่อในเรื่อง "รัฐเปิดเผย" และ "การเปิดเผยข้อมูล" หรือ Open Data การที่พรรคอนาคตใหม่ เอาคำว่า Open Data ไปพูดให้ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถือว่าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับผม และ คนที่ผลักดันเรื่องนี้เป็นเวลาร่วม 10 ปี
อีกทั้งทีมงานพรรคอนาคตใหม่จังหวัดนนทบุรี ที่ทำให้ผมได้ทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างสมบูรณ์ โดยนำปัญหาในพื้นที่หลายเรื่องเข้าหารือในสภา และ ได้สัมผัสกับการเมืองท้องถิ่นอย่างจริงจัง

ดังนั้นการเดินทางที่ผ่านมา ไม่มีอะไรน่าเสียใจ หรือ เสียดาย เพราะเรื่องต่าง ๆ ที่ผลักดัน จะเป็นวาระต่อไป ที่จะถูกขับเคลื่อนในสภาผู้แทนราษฎร
สิ่งที่ต้องผลักดันกันต่อ คือ การแก้ไขกฎหมายเรื่องดิจิทัลที่สำคัญ ทั้ง พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ พรบ.มั่นคงไซเบอร์ รวมทั้งการสร้างกลุ่มเทคโนโลยีภาคพลเมือง หรือ Civic Tech ให้ขยายตัว เข้มแข็ง เพื่อนำเอาเทคโนโลยีมาสร้างความโปร่งใส การมีส่วนร่วมทางการเมืองของภาคประชาชน และ สนุนความเข้มแข็งของภาคประชาชน
ที่สำคัญที่สุดเรื่องที่ผม และ ชาวอนาคตใหม่ ต้องการจะผลักดัน คงไม่สำเร็จ ถ้าเรายังมีโครงสร้างทางการเมือง แบบเผด็จการที่ซ่อนอยู่หลังฉากประชาธิปไตย และ การใช้กฎหมายที่ไม่มีมาตรฐานแบบนี้ ภารกิจที่สำคัญคือ การร่วมเดินไปกับพี่น้อง ประชาชน ผู้อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่อนาคตที่ดีของสังคมไทย แต่ด้วยความรอบคอบ สุขุม และ มั่นคง เพื่อรออีก 10 ปี ที่ผมจะกลับมามีสิทธิพื้นฐานทางกฎหมายเท่ากับประชาชนคนไทยโดยทั่วไป
ดังนั้น 507 วัน ที่ผมใช้ชีวิตกับพรรคอนาคตใหม่ จึงเป็นทุกวันที่มีคุณค่า และ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน การยุบพรรคสำหรับผมเป็นแค่ การปิดประตูบานหนึ่ง และ เปิดประตูอีกบานหนึ่ง เพื่อให้ #เราไปต่อ
ดีใจที่ได้รับเกียรติเดินร่วมทางกัน
ไกลก้อง ไวทยการ
23 ก.พ. 63
credit ภาพ : Sirichoke Lertyaso