One ID




ไกลก้อง ไวทยการ
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่
ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการปกครอง คณะที่สอง

เช้าวันนี้ (6 มกราคม 2563) มีการประชุมคณะอนุกรรมาธิการปกครอง คณะที่สอง ที่ผมเป็นที่ปรึกษาอยู่ ที่ประชุมได้พิจาณาถึงแนวทางการใช้บัตรประชาชนใบเดียวในการบริการประชาชน
โดยมีผู้แทนจาก กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ธนาคารกรุงไทย และ สมาคมธนาคารไทย

เนื่องจากเป็นที่สงสัยว่า เหตุใดประชาชนถึงยังต้องพกบัตรที่ราชการออกให้หลาย ๆ ใบ โดยเฉพาะคนที่มีสิทธิ์ได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต้องทำบัตรใหม่เพื่อให้ได้สิทธิ์สวัสดิการที่รัฐจัดให้

ซึ่งข้อมูลที่ได้คือในหลักการแล้วสามารถมีบัตรใบเดียวได้ หากหน้าบัตรยังเป็นรูปแบบเดิม บัตรประชาชนมีชิปเก็บข้อมูลอยู่แล้ว ทางเทคนิคสามารถในมาใช้กับตู้ ATM ในปัจจุบัน หรือ เครื่อง EDC เพื่อชำระเงินได้ แต่ระบบหลังบ้านของบัตรประชาชนตอนนี้ไม่สามารถรองรับการเป็น e-money ได้ จึงต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยไปใช้ระบบบัตรของ ธ.กรุงไทย แต่ยังใช้บัตรประชาชนในการยืนยันตัวตนอยู่ ซึ่งในอนาคตสามารถทำให้เหลือบัตรประชาชนใบเดียวได้

หน้าที่สำคัญของบัตรประชาชน คือ การยืนยันตัวตน ซึ่งต้องใช้ข้อมูลที่สำคัญคือข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ที่กระทรวงมหาดไทยดูแลอยู่ ซึ่งหากระบบข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ เชื่อมโยงกับข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ครบทุกหน่วยงานที่ให้บริการประชาชน ก็จะทำให้เกิดความสะดวกในการบริการประชาชนของภาครัฐ ซึ่งเรื่องนี้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัลจะเข้ามามีบทบาทสำคัญ ตาม พ.ร.บ.รัฐบาลดิจิทัลต่อไป

ส่วนในเรื่องภาคเอกชน ที่จะเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ยังติดขัดในข้อกฎหมาย อย่างไรก็ตามอาจมีทางออก ซึ่งต้องไม่ลืมว่าข้อมูลในบัตรประชาชนเป็นข้อมูลส่วนบุคคคลของเรา ไม่มีเอกชนรายใดนำข้อมูลส่วนบุคคลของเราไปใช้ได้ หากเราไม่ยินยอม ดังนั้นหากเอกชนต้องการใช้ข้อมูลทะเบียนราษฏ์ของเรา จริงต้องมีช่องทางให้เจ้าของข้อมูลได้ยินยอมให้ใช้ข้อมูล เช่น เมื่อธนาคารต้องการข้อมูลเราเพื่อยืนยันตัวตน อาจมี SMS มาขอเพื่อให้เรายินยอมให้ธนาคารเข้าถึงข้อมูลได้ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันภาคเอกชน ได้เริ่มจัดทำระบบที่เรียกว่า National Digital ID (NDID) https://www.digitalid.or.th เพื่อช่วยให้การพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลสำเร็จลุล่วงอย่างมีประสิทธิภาพและ และสอดคล้องกับนโยบายอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ และการให้บริการแก่สังคม และประชาชน ซึ่งทำให้ให้การยืนยันตัวตนของภาคเอกชนคล่องตัวขึ้น และ เจ้าของข้อมูลยังสามารถควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของตัวเองได้

ปัจจุบัน การยืนยันตัวตน ทำได้หลายรูปแบบ โดยเฉพาะจากข้อมูลชีวภาพ หรือ biomatric เช่น การสแกนลายนิ้วมือ หรือ การสแกนใบหน้า ซึ่งอนาคตบัตรประชาชนก็จะลดความสำคัญลง