Whale Watch Everett

จู่ ๆ ก็ได้มา Seattle เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกมาตอนปี 2013 ในโปรแกรม IVLP (International Visitor Leadership Program) ของ State Department ครั้งนั้นก็ว่าเที่ยว Seattle ทั่วแล้วทั้งนั่งเรือดูหมู่บ้านอินเดียแดง ดูโรงงาน Boeing ครั้งนี้เลยต้องนึกถึง activity อื่นๆ ที่ยังไม่ได้ทำเปิดย้อนตอน 2013 เพื่อนร่วมคณะ IVLP ส่งต่ออีเมลเรื่องโปรแกรมน่าสนุกใน Seattle และมีโปรแกรมดูปลาวาฬ เลยไม่รอช้าหาข้อมูลเพิ่มทันที

คนใน TripAdvisor แนะนำว่าให้ใช้บริการของ Island Advanger เลยเข้าไปดูข้มูลในเว็บ ปรากฎว่าต้องไปขึ้นเรือนอกเมือง Seattle มีที่ไหนก็ไม่รู้ 2 เมือง และอีกที่คือ Everett ความที่พอคุ้นกับ Everett ตอนมาดูโรงงาน Boeing และราคาตั๋วที่เป็นมิตร 60 กว่าเหรียญ เจ้าอื่นเริ่มที่ 99 เหรียญ เลยจองที่นี่ Island Advangeres (https://www.island-adventures.com) มีโปรโมชั่นหลากหลายทั้งลดราคาวันธรรมดา ลดราคาเป็นช่วงฤดูกาล รับประกันด้วยว่าหากออกเรือไปแล้วไม่เจอวาฬ กลับมาขึ้นเรื่ออีกฟรี อันนี้สำหรับคนอยู่อีซีกโลกนี่คงลำบากหน่อย

หลังจากเสร็จงานประชุมที่ Microsoft ในเดินเล่นใน Seattle ที่วันเต็ม ๆ ก็ได้เวลาออกเดินทางไปดูวาฬ วางแผนจาก Google Map ว่าออกจากที่พักตั้งแต่หกโมงครึ่ง นั่งรถเมล์เข้าเมือง ลองต่อรถไฟไป Everett แล้วนั่งรถเมล์ของ Everett จากนั่นเดินอีกนิดหน่อย ถึงก่อนเวลาเรือออกตอน 10 โมงซักครึ่งขั่วโมง พอเช้าวันที่ 2 พ.ค. เอาเข้าจริงตามแผนแค่ต่อแรกคือนั่งรถเมล์เข้าเมืองได้ตรงเวลา พอจะต่อรถไฟที่ King Street Station มันเป็นรถ Amtrak ซึ่งตอนแรกเราเข้าใจว่าเป็นแบบรถท้องถิ่น เลยไปรอที่ชานชลารถท้องถิ่น รอตั้งนานจนจะเลยเวลาตามตารรางรถไฟ จนเอะใจกลับไปชานชลาของ Amtrak ตกลงว่ารถไฟที่ Google Map แนะนำเป็นขบวนข้ามประเทศไปถึง Vancouver แคนนาดาโน่นดังนั้นการขึ้นจึงไม่ง่าย ทั้งซื้อตั๋ว ตรวจพาสปอตท์ ดูยุ่งมาก และที่สำคัญมีเวลา boarding เหมือนเครื่องบินซึ่งเลยเวลาแล้ว เลยต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถเมล์สาย 512 ซึ่งคราวที่แล้วก็ใช้รถเมล์สายนี้แหละ แต่เราก็ดูเวลาแล้วยังไงก็ทัน รถเมล์แล่นไปซักพักพอเริ่มจะเข้าไฮท์เวย์เริ่มออกอาการมีปัญหา และในที่สุดรถไปตามอยู่บนไฮท์เวย์ ต้องรอเปลี่ยนคัน คราวนี้แหละเสียเวลาไปเกือบชั่วโมง เราเกือบถอดใจแล้วว่าถ้าไม่ทันก็เปลี่ยนไป Boeing แทนดูมันอีกรอบ หลังจากเปลี่ยนรถแล้ว ในที่สุดก็มาถึงสถานีรถไฟ Everett คือมันเป็นทั้งสถานีรถไฟและท่ารถเมล์ มาถึงตอน 9:45 เรือออก 10:00 ตัดสินใจนั่งแท็กซี่ไปท่าเรืออีก 10 เหรียญทันพอดี เล่นเอาลุ้นเหงื่อตก


เรือเป็นเรือ 2 ชั้นขนาดประมาณเรือยอร์ช ทริปนี้มีประมาณ 50 คน ต่างวัยกันไป เรือออกจากท่าเล่นผ่านท่าเทียบเรือของกองทัพเรือที่ Everett ที่มีเรือฟริเกตเทียบท่าอยู่ เรือแล่นออกไปทาง Hat Island เริ่มออกเรือซักพักก็เจอแมวนำ้ ตามด้วยโลมา เรือมุ่งหน้าไปทาง Camano Island พอถึงปลายเกาะเราก็พบกับ ปลาวาฬสีเทา (Gray Whale) ตัวนี้ไกด์ที่บรรยายบอกว่าชื่อ Dubknuck โบกหางสวย ๆ (ดูแบบ animation https://goo.gl/photos/rjf6E34HJs9QS7VD9) จากนั้นเมื่อเรือย้อนกลับมาที่ Hat Island เจออีก 2 ตัวชื่อ Patch (https://goo.gl/photos/vCU32yYx6M2qmRBX6) กับ Lucy สรุปว่าเจอ 3 ตัว น่าประทับใจที่เดียวสำหรับวันฟ้าใสนี้

เส้นทางดูวาฬ

สภาพตอนมาขึ้นเรือทัน ฮ่าๆ


เรือฟริเกตแบบในหนัง Battle Ship











หลังจากนั้นพอขึ้นฝั่ง กินข้าวแล้วตัดสินใจว่าจะเดินไปขึ้นรถเมล์ ปรากฎว่าระยะเวลารอรถเมล์ไปสถานีรถไฟ กับ เดินไปสถานีพอกันเลยตัดสินใจเดิน ร้อนเหมือนกันวันนั้นประมาณ 28 องศา แต่เวลาเดียวกันกรุงเทพนี่ 40 องศา ดังนั้นถือว่าเย็น ฮ่าๆ ระหว่างเดินก็คิดถึงตอนขามาถ้ารถเมล์ไม่เสียกลางทางแล้วเราตัดสินใจไม่นั่งแท๊กซี่แล้วเชื่อว่าเดินง่าย อาจจะไม่ทันเรือก็ได้ เพราะจริง ๆ ป้ายรถที่เราคิดว่าใกล้มันไม่ใกล้ แถมต้องเดินอ้อมมาท่าเรือ อาจเป็นเรื่องดีก็ได้ที่รถเมล์เสีย บางครั้งสิ้งที่คิดว่าไม่ี สุดท้ายอาจจะเป็นเรื่องดี อะไรที่คิดว่าเป็น Murphy’s law มันอาจเป็น Yhprum's law ก็ได้

แถมอีกนิดคือครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่ใช้บริการ Airbnb ประทับและโชคดีที่เลือกโฮสดีทุกครั้ง แต่จริง ๆ คือถ้าโอสคนนั้นได้คอมเม้นต์ที่ดีเยอะๆ ก็น่าจะเป็นโฮสที่ดี ที่พักอยู่ออกไปนอกเมืองหน่อย แต่เดินทางสะดวกด้วยรถเมล์ ที่ชอบคืออยู่ใกล้ Urban Park คือเป็นสวนป่า มีทางเดินไปถึง Lake Washington นั่งชมวิวทะเลสาป และฉากหลังคือ Mount Rainier ได้สวย ๆ