สรุปปัญหาการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่
Published by Klaikong,
ไกลก้อง ไวทยการ
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่
กรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร
เป็นที่สนใจของสังคม เกี่ยวกับเรื่องการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่งบประมาณก่อสร้าง 12,280,000,000 บาท ที่พึ่งมีการขยายระยะเวลาสัญญาครั้งที่ 4 กับบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัดชั่น จำกัด (มหาชน) ไปสิ้นสุดสัญญาที่ 31 ธันวาคม 2563 นั้น ผมในฐานะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในการประชุมของคณะกรรมาธิการ ได้เชิญบริษัท ซิโน-ไทย ฯ และ ที่ปรึกษาบริหารโครงการ และผู้ควบคุมงานก่อสร้าง รวมทั้งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มาให้ข้อมูล หลายครั้ง โดยผมได้รับทราบปัญหาความล่าช้า และ ขอสรุป และ ตั้งข้อสังเกตกับเรื่องนี้ดังนี้
- ปัญหาก่อสร้างล่าช้า เกิดจากการส่งมอบพื้นที่ล่าช้า
รัฐสภาแห่งนี้มีเนื้อที่ประมาณ 122 ไร่ แผนการส่งมอบพื้นที่เดิมมีกำหนดเสร็จสิ้นวันที่ 30 เมษายน 2557 แต่การส่งมอบพื้นที่จริงเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 โดยข้อที่บริษัทผู้รับแจ้ง และ ทางสภาฯ ยกขึ้นมาเป็นเหตุผลหลัก คือ เจ้าของพื้นที่เดิมย้ายออกล่าช้า โดยเฉพาะในส่วนของโรงเรียนโยธินบูรณะ ที่รัฐสภาต้องจ่ายค่าชดเชยในการสร้างอาคารเรียนใหม่
ข้อสังเกต
ภาพที่ 1.1 ผังการส่งมอบพื้นที่การก่อสร้างอาคารรัฐสภาตามแผนเดิม
ภาพที่ 1.2 ผังการส่งมอบพื้นที่การก่อสร้างอาคารรัฐสภาที่เกิดขึ้นจริง
แต่อย่างไรก็ตาม จากภาพผังการส่งมอบพื้นที่พบว่า การส่งมอบพื้นที่โดยเฉพาะ ส่วนที่ใช้ก่อสร้างอาคารหลัก ส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับจ้างไปเสร็จเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2557 ซึ่งในความเป็นจริงคือสามารถเริ่มก่อสร้างอาคารหลักได้ตั้งแต่ปี 2558
- มีปัญหาอุปสรรค เรื่องการบริหารจัดการดิน และการขนย้ายดินล่าช้า
โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ มีการก่อสร้างในระดับใต้ดินด้วย ทำให้มีการขุดดินในปริมาณมากกว่า 1,000,000 ลูกบาศก์เมตร โดยในสัญญาภาระการจัดหาสถานที่ทิ้งดินที่ขุดเป็นภาระของเจ้าของโครงการ คือ สำนักงานเลขาสภาผู้แทนราษฎร โดยต้องจัดหาสถานที่ทิ้งดินในรัศมี 10 กิโลเมตร จากพื้นที่ก่อสร้าง ซึ่งเจ้าของโครงการไม่สามารถหาพื้นที่ดังกล่าวได้ จึงมาใช้วิธีบริจาคและขายทอดตลาด ซึ่งใช้เวลามากกว่าเดิม และสามารถจัดการปัญหาการทิ้งดินได้ทั้งหมด เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2559
ข้อสังเกต
ทางคณะกรรมาธิการกิจการสภาฯ เคยขอเอกสารเรื่องการบริจาคดิน และ การขายทอดตลาดจากทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แต่ยังไม่ได้มีการส่งเอกสารกลับมา ทั้งมีนีคณะกรรมาธิการหลายท่าน ตั้งคำถามว่าบริจาค และ ขายทอดตลาด ดินในการก่อสร้างรัฐสภา ให้กับใครบ้าง
- การจัดซื้อจัดจ้างผู้รับเหมาทั้งส่วนงานด้านระบบ ICT และ งานสาธารณูปโภค และ สาธารณูปการล่าช้า
เนื่องจากมีปัญหาด้านงบประมาณ เดิมทีทางสภาวางแผนไว้ว่าจะได้ผู้รับจ้างมาดำเนินงานในเดือนมิถุนายน 2561 แต่ทางสำนักงานเลขาธิาการสภาผู้แทนฯ ได้รับอนุมัติวงเงินงบประมาณเมื่อ 21 สิงหาคม 2561 และลงนามจ้างบริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 19 สิงหาคม 2563 และลงนามจ้างบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ในงานสาธารณูปโภคสาธารณูปการ และ งานระบบประกอบอาคารและงานระบบประกอบอาคารและภายนอกอาคาร เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562 และสิ้นสุดวันที่ 5 มีนาคม 2564 และ ยังไม่มีผู้รับจ้างในงานด้านสายสัญญาณ (ท่อ สาย อุปกรณ์)
ข้อสังเกต
มีสัญญางานสาธณณูปโภคสาธารณูปการ และ งานระบบประกอบอาคารและงานระบบประกอบอาคารและภายนอกอาคาร ที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2564 และ ยังมีงานก่อสร้างประกอบสัญญาหลักที่ยังไม่ได้จัดจ้าง ขณะที่สัญญาหลักสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ซึ่งอาจเป็นเหตุการขอขยายสัญญาต่อไปอีก
- ยังไม่สรุปแบบก่อสร้างฐานพระบรมราชาอนุสาวรีย์ รัชกาลที่ 7
เนื่องจากคณะกรรมการจัดสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติมีมติให้ย้าย พระบรมราชาอนุสาวรีย์ รัชกาลที่ 7 (องค์เดิมหน้าอาคารรัฐสภาอู่ทองใน)ไปประดิษฐานภายในอาคารรัฐสภา และจัดสร้างองค์ใหม่ ซึ่งขณะนี้กรมศิลปากรอยู่ระหว่างการออกแบบฐาน พระบรมราชานุสาวรีย์ใหม่ ซึ่งต้องเริ่มก่อสร้างภายในเดือนมีนาคม 2563 หากล่าช้ากว่านั้นจะไม่สามารถเสร็จทันวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ได้
ข้อสังเกต
ไม่มีข้อมูลการทำงานของทางกรมศิลปากร ซึ่งแผนและการออกแบบพระบรมราชาอนุสาวรีย์ ควรจะเสร็จพร้อมการออกแบบสถาปัยกรรมของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ตั้งแต่ต้น เหตุใดจึงพึ่งมามีการออกแบบกันภายหลัง ทั้งนี้หากไม่ทันกำหนด ก็จะเป็นข้ออ้างให้บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้างขอขยายสัญญาได้
ที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า ยังมีอีกหลายปัจจัยที่อาจทำให้มีการขยายสัญญาครั้งที่ 5 ซึ่งสัญญาเดิมก่อนการต่อสัญญาคือ นับจากวันที่ 8 มิถุนายน 2556 ถึง วันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 กำหนดระยะเวลาการก่อสร้างไว้ 900 วัน แต่การต่อสัญญาครั้งที่ 4 กำหนดสิ้นสุดสัญญาใหม่เป็นวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ซึ่งหมายถึงงานจะแล้วเสร็จหลังจากกำหนดการเดิม 1,853 วัน หรือ 5 ปี! โดยไม่มีใครต้องรับผิดชอบใด ๆ และ ไม่ได้มีหลักประกันว่าการต่อสัญญาครั้งที่ 4 นี้งานจะเสร็จตามกำหนดในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ทั้งนี้มีเงื่อนไขหนึ่งในสัญญาระบุว่า "ในกรณีที่ผู้รับจ้างรายอื่น ๆ ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่หรือผลงานที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับงานผู้รับจ้างได้ตามที่ตกลงกันไว้ ผู้ว่าจ้างจะพิจารณาขยายเวลาของงาน ส่วนที่ต้องล่าช้าออกไป อันมีผลกระทบมาจากกรณีดังกล่าว เหล่านั้นให้ตามความเหมาะสม" ซึ่งเปิดช่องให้มีการขยายสัญญาการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่มาโดยตลอด
ตลอดระยะเวลา 5 ปี ของความล่าช้าคือยุคที่รัฐสภาไทยอยู่ภายใต้ สภานิติบัญญติแห่งชาติ (สนช.) ที่แต่งตั้งโดย คสช. จึงต้องย้อนถามไปว่า ช่วง สนช. ได้ทำหน้าที่อย่างไรในการตรวจสอบการใช้เงินภาษีของประชาชนในการสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่นี้ และ เป็นการเอื้อประโยชน์กับบริษัทผู้รับจ้างก่อสร้างหรือไม่
ข้อมูลอ้างอิง
- ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ตุลาคม 2562
- ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่
- การขยายระยะเวลาการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ครั้งที่ 4
ภาพก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่จาก : https://www.google.com/maps/contrib/107325284227192910829/photos/@13.7958093,100.5174398,3a,75y,90t/data=!3m7!1e2!3m5!1sAF1QipNvvmL2lTnU2cJErtUkIdeD3MeaSQC7QjebnvSM!2e10!6shttps:%2F%2Flh5.googleusercontent.com%2Fp%2FAF1QipNvvmL2lTnU2cJErtUkIdeD3MeaSQC7QjebnvSM%3Dw365-h273-k-no!7i3264!8i2448!4m3!8m2!3m1!1e1