ความคืบหน้า ความล่าช้า ของรัฐสภาใหม่

ไกลก้อง ไวทยการ
โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญ
ศึกษาโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่


(9.3.63) ผมในฐานะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ ได้มีโอกาสไปตรวจเยี่ยม การก่อสร้างอาคารรัฐสภาฝั่ง ส.ส. หรือที่หลายคนรู้จักคือฝั่งห้องประชุมพระสุริยัน ที่วันนี้พร้อมใช้งานในการเปิดสมัยประชุมครั้งต่อไปเดือนพฤษภาคม 2563

อย่างไรก็ตามการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งนี้ มีการต่อสัญญามาแล้ว 4 ครั้ง จากกำหนดเดิมจะต้องเสร็จตั้งแต่ปี 2558 จนมากำหนดล่าสุดในการต่อสัญญาครั้งที่ 4 คือให้เสร็จ วันที่ 31 ธันวาคม 2563
เหตุผลของการต่อสัญญาล่าช้า ตามที่คณะกรรมาธิการได้ศึกษา มีเหตุผลหลัก ๆ เบื้องต้นคือ การคืนพื้นที่ก่อสร้างล่าช้า การขนย้ายดินที่เกิดจากการก่อสร้างล่าช้า และ งานนอกสัญญาหลักไม่เสร็จตามกำหนด ซึ่งเหตุผลสุดท้าย ใช้เป็นเหตุผลที่นำมาสู่การต่อสัญญาครั้งที่ 4

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าอะไรคือสัญญาหลัก และ อะไรคืองานนอกสัญญาหลัก สัญญาหลักคือการก่อสร้างอาคารรัฐสภา และ อาคารประกอบ ซึ่งบริษัท ซิโนไทยฯ เป็นผู้รับจ้าง
ส่วนงานนอกสัญญาหลัก ซึ่งเป็นสาเหตุของการต่อสัญญา ครั้งที่ 4 นี้ คืองานสัญญาติดตั้งระบบไอซีที และ งานสัญญาท่อร้อยสายนำสัญญา ที่เกี่ยวข้องระบบไอซีที ซึ่งงานแรกบริษัท แอดวานส์ อินโฟเมชั่น เทคโนโลยี (AIT) เป็นผู้รับจ้าง ลงนามไปตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 กำหนดแล้วเสร็จเดือนสิงหาคม 2563 แต่งานคืบหน้าช้ามาก เพราะตลอดทั้งปี 2562 หาผู้รับจ้างงานสัญญาท่อร้อยสายนำสัญญา ที่เกี่ยวข้องระบบไอซีทีไม่ได้ เนื่องจากงานมีรายละเอียดมาก และ งบประมาณจำกัด ถ้าไม่มีท่อร้อยสาย ก็คือติดตั้งแต่อุปกรณ์ แต่เชื่อมต่อสายสัญญาณได้ไม่สมบูรณ์
ซึ่งในที่สุดแล้วทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ต้องจ้างบริษัท ชิโนไทยฯ ซึ่งเป็นผู้รับจ้างในสัญญาหลัก มาเป็นผู้รับจ้าง เนื่องจากเป็นผู้รู้จักโครงสร้างของอาคารรัฐสภาดีที่สุด และ สามารถทำงานให้เสร็จทันวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ได้ ในกรอบงบประมาณที่วางไว้
การที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เลือก ชิโนไทย ทำท่อร้อยสายฯ เพราะมีเป้าหมายให้งานเสร็จเร็วที่สุด ตามเงื่อนไขการต่อสัญญาครั้งที่ 4 ซึ่งวางแผนจะลงนามสัญญาจ้างไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 โดยใช้งบประมาณปี 63 แต่เนื่องด้วย พรบ.งบประมาณปี 63 มีความล่าช้า การลงนามในสัญญาจึงมีความล่าช้า พึ่งจะมาลงนามวันที่ 5 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมานี้
เรื่องการลงนามสัญญาท่อร้อยสายล่าช้า ส่งผลต่อแผนการก่อสร้างโดยตรง ซึ่งวางเงื่อนไขไว้ว่า ต้องเริ่มงานท่อร้อยสายในเดือนธันวาคม 2562 แต่เมื่อล่าช้ามา 3 เดือน ก็อาจส่งผลให้งานไม่เสร็จทันเดือนธันวาคม 2563 ซึ่งอาจเป็นเหตุแห่งการต่อสัญญาครั้งที่ 5 ได้
ผมเข้าใจว่าทุกฝ่ายต้องการให้อาคารสร้างรัฐสภาใหม่เสร็จตามสัญญา ซึ่งถือว่าอาคารรัฐสภาใหม่เป็น Mega Project ซึ่งมีปัญหามาตลอดทุกช่วงสัญญา และ อาจเป็นไปได้ที่ การทำงานของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถควบคุมให้งานก่อสร้างเป็นไปตามแผนอย่างมีประสิทธิภาพ กลายเป็นช่องทางให้บริษัทรับจ้างงานใช้เป็นเงื่อนไขในการต่อสัญญาโดยตลอด ซึ่งรายละเอียดข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ทั้งหมด จะอยู่ในรายงานของกรรมธิการวิสามัญการศึกษาโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ ที่จะรายงานในสภาผู้แทนราษฎร ในการเปิดสมัยประชุมหน้า