รัฐสภาโปร่งใส และ สมรรถนะสูง


เปิดสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 26 นี้ ผมได้มีโอกาสไปช่วยงาน รองประธานสภา ฯ คนที่ 1 หมออ๋อง ปดิพัทธ์ ในฐานะที่ปรึกษากรรมการขับเคลื่อนรัฐสภาโปร่งใส และ สมรรถนะสูง หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Smart and Open Parliament ถือว่าเป็นงานต่อยอดจากสมัยที่เคยเป็นประธานคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบบริการสารสนเทศอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ และ พัฒนาการดำเนินงานของสภาผู้แทนราษฎร แนวคิดหลักของการทำงานนี้คือทำให้การปฏิบัติงานของรัฐสภา และ อาคารรัฐสภาที่ลงทุนใช้งบประมาณเป็นหมื่นล้านในการสร้าง เป็นพื้นที่ที่ตอบสนองต่อประชาชน และ เปิดช่องทางการมีส่วนร่วมของประชาชนต่องานของรัฐสภาให้กว้างขวางขึ้น รวมทั้งเป็นแหล่งการศึกษาเรื่องประชาธิปไตยของไทย

โดยคณะกรรมการขับเคลื่อนรัฐสภาโปร่งใส และ สมรรถนะะสูง มีหน้าท่ี ดังนี้
  1. ดำเนินการศึกษาข้อมูลด้านิติบัญญัติเพื่อพัฒนาให้รัฐสภามีประสิทธิภาพและสมรรถนะสูง
  2. ดำเนินการวิเคราะห์และออกแบบระบบสารสนเทศให้บุคคลากรในวงงานรัฐสภาและประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและสามารถมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นเพื่อความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ
  3. ติตตามและประเมินผลการทำงานของระบบสาระสนเทศของรัฐสภา รวมทั้งเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้สนองตอบต่อความต้องการของบุคคลากรในวงงานรัฐสภาและประชาชน
  4. เสนอแนะแนวทางการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของอาคารรัฐสภาให้เต็มประสิทธิภาพเพื่ออำนวยความสะดวกให้บุคคลากรในวงงานรัฐสภาและประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้งานได้โดยสะดวก
  5. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงาน เพื่อดำเนินการตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
  6. ปฏิบัติงานอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
.
ตอนนี้คณะกรรมการ มีอนุกรรมการเพื่อขับเคลื่อนงาน 4 ชุดด้วยกันคือ
  • อนุฯโปร่งใสสมรรถนะสูง
  • อนุฯ รัฐสภาเพื่อประชาชน
  • อนุฯ สื่อสารเชิงกลยุทธ
  • อนุฯ สภาเยาวชน

ซึ่งทุกคณะอนุกรรมการหลังการแต่งตั้งได้ทำงานอย่างเต็มที่ เพราะเข้าใจดีว่าการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงได้ถึงขณะ ซึ่งก็ยึดหลักว่าทำงานให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายที่ได้ทำงาน ประชุม ติดตามงานให้บ่อย ไม่งด ไม่เลื่อน เพื่อให้งานออกมาเร็ว และสร้าง impact ได้ ยกตัวอย่างเช่นอนุโปร่งใสสมรรถนะสูง ตอนนี้กำลังผลักดันเรื่องการเปิดเผยข้อมูลทั้งเรื่องผลโหวตในสภาให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้นว่า ส.ส. คนไหนโหวตอะไรในแต่ละญัตติ และ รายชื่อผู้เชียวชาญ ผู้ชำนาญการ ผู้ช่วยประจำตัว ส.ส. รวมทั้งจำนวนการเข้าร่วมประชุมของ ส.ส. แต่ละคนด้วย

แม้วันนี้ประชาธิปไตยไทยยังอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญที่ร่างจากคณะรัฐประหารเป็นผลไม้พิษที่ทำลายเจตจำนงค์ของประชาชนที่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง การที่ทำให้รัฐสภา ซึ่งเป็น 1 ใน 3 เสาหลักของระบอบประชาธิปไตย ให้มีความโปร่งใส และประชาชนมีส่วนร่วมได้ และเป็นแหล่งศึกษาประชาธิปไตย และพัฒนาการทางการเมือง จะเป็นส่วนหนึ่งที่พัฒนาประชาธิปไตยในประเทศนี้ให้เข้มแข็งขึ้นในอนาคต